
เริ่มต้นปีงบฯ เพียง 10 วัน ศุลกากรเร่งปราบสินค้าผิดกฎหมายทุกภูมิภาค มูลค่ากว่า 35.96 ล้านบาท
วันนี้ (12 ตุลาคม 2567) นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ ที่ปรึกษาด้านการพัฒนาและบริหาร การจัดเก็บภาษี ในฐานะโฆษกกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญกับการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้ายาเสพติดให้หมดไปจากประเทศ รวมถึงการเร่งป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้า ส่งออก นำผ่าน และจำหน่าย ยาเสพติด บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงสินค้าราคาต่ำ สินค้าไม่มีคุณภาพและไม่ได้มาตรฐาน ทั้งนี้ กระทรวงการคลัง โดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้สั่งการให้กรมศุลกากร เข้มงวดกวดขันเรื่องดังกล่าว โดยนายธีรัชย์ อัตนวานิช อธิบดีกรมศุลกากรได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการลักลอบนำเข้ามาในและส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าตามนโยบายของรัฐบาลในทุกช่องทาง รวมถึงสินค้าที่มีการลักลอบหนีศุลกากรอื่นๆ เช่น วัตถุลามก น้ำมันดีเซล และสัตว์มีชีวิตที่อยู่ภายใต้อนุสัญญาไซเตส (CITES) อีกด้วย



โดยในระหว่างวันที่ 1 – 10 ตุลาคม 2567 กรมศุลกากรได้เร่งปฏิบัติการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมาย โดยมีผลงานการจับกุมที่น่าสนใจ ดังต่อไปนี้
1. ยาเสพติด
1.1 เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดออกนอกราชอาณาจักร ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ปลายทางประเทศออสเตรเลีย สำแดงชนิดสินค้าเป็น “SNACK” ตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (Methamphetamine) ห่อหุ้มด้วยฟอยล์สีเงินซุกซ่อนภายในซองลูกอมอัลมอนด์เคลือบรสช็อกโกแลต น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 530 กรัม มูลค่า 159,000 บาท กรณีนี้เป็นความผิดในการพยายามส่งยาเสพติดให้โทษ ออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 242 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด
1.2 เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดออกนอกราชอาณาจักร ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ปลายทางประเทศออสเตรเลีย สำแดงชนิดสินค้าเป็น “Pack of Paper for Prayer” ตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เฮโรอีน (Heroin) ลักษณะเป็นผงสีขาวขุ่นซุกซ่อนอยู่ภายในป้ายมงคลภาษาจีนแบบแขวน น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 350 กรัม มูลค่า 105,000 บาท กรณีนี้เป็นความผิดในการพยายามส่งยาเสพติดให้โทษ ออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 242 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด



1.3 เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรหนองคาย ได้ทำการตรวจรถยนต์และสิ่งของที่มากับรถยนต์ที่จะเข้ามาในราชอาณาจักร พบสิ่งของต้องสงสัยบรรจุในกระเป๋าสัมภาระ จึงนำมาทดสอบด้วยน้ำยา (ONCB 051) Marquis Test พบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาอี (Ecstasy) น้ำหนักรวม 3 กิโลกรัม มูลค่า 19,000,000 บาท กรณีนี้เป็นความผิดในการพยายามนำยาเสพติดให้โทษ เข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามมาตรา 242 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด
1.4 เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2567 กรมศุลกากร โดยกองสืบสวนและปราบปราม ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดออกนอกราชอาณาจักร ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ปลายทางประเทศนอร์เวย์ สำแดงชนิดสินค้าเป็น “Seaweed Porksticks Squid snack Bento Fish frame 30” ตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า จำนวน 350 เม็ด และยาไอซ์ (Methamphetamine) น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 60 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายใน ถุงเมล็ดทานตะวัน และถุงถั่วลิสง มูลค่า 53,000 บาท ในวันเดียวกัน กองสืบสวนและปราบปรามได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดออกนอกราชอาณาจักร ณ ศูนย์ไปรษณีย์สุวรรณภูมิ พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัยปลายทางประเทศออสเตรเลีย สำแดงชนิดสินค้าเป็น “Snack” ตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไอซ์ (Methamphetamine) ห่อหุ้มด้วยฟอยล์สีเงิน ซุกซ่อนภายในซองขนมลูกอมอัลมอนด์เคลือบรสช็อกโกแลต น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 520 กรัม มูลค่า 156,000 บาท ทั้ง 2 กรณี เป็นความผิดในการพยายามส่งยาเสพติดให้โทษ ออกนอกราชอาณาจักร โดยไม่ได้ รับอนุญาต ตามมาตรา 242 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด





1.5 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2567 กรมศุลกากร โดยสำนักงานศุลกากรกรุงเทพ ร่วมกับ กองสืบสวนและปราบปราม ชุดปฏิบัติการ AITF และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้ทำการวิเคราะห์ความเสี่ยงในการลักลอบส่งของต้องห้ามต้องกำกัดเข้ามาในราชอาณาจักร พบพัสดุไปรษณีย์ระหว่างประเทศต้องสงสัย ต้นทางประเทศเบลเยียม เบื้องต้นพบความผิดปกติจากภาพ X – RAY ตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาอี (Ecstasy) ลักษณะเป็นเม็ดสีชมพู จำนวน 1,000 เม็ด น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 586 กรัม และวัตถุออกฤทธิ์ประเภท 2 เคตามีน (Ketamine) ลักษณะเป็นผงสีขาว น้ำหนักรวมสิ่งห่อหุ้ม 262 กรัม รวมมูลค่า 862,000 บาท



กรณีนี้เป็นความผิดในการพยายามนำยาเสพติดให้โทษเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้ รับอนุญาต ตามมาตรา 244 และ 252 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 และประมวลกฎหมายยาเสพติด